ประโยชน์ของweb siteนพย.รุ่นที่24เมื่อเพื่อนเสีย
ชีวิตลงจะได้เงินช่วยจำนวนหนึ่งและพวงหรีดตัวแทนรุ่น
(เขียนcodeออกแแบบมาให้ดูได้ดีกับโทร ศัพท์มือถือ)

director of air operation control.


radar.






















............... s Malaysia Ready to Buy Rafale Fighters? Source : Our Bureau ~ Dated : Wednesday, August 26, 2015 @ 01:26 PMViews : 874 A- A A+ Planform of Dassault Rafale B-10 (Image: Ronnie Macdonald via Wikimedia Commons) Planform of Dassault Rafale B-10 (Image: Ronnie Macdonald via Wikimedia Commons) Sale of Dassault’s Rafale fighter aircraft to Malaysia could be on agenda during the French Defense Minister Jean-Yves Le Drian’s visit to Kuala Lumpur this weekend. The French media has reported that Le Drian is expected to visit the South East Asian nation on August 30. In the past, sudden visits by the French defence minister have resulted in contracts signing as in the case of Egypt and Qatar. Dassault had offered a 10 year financial package to Malaysia from a French bank guaranteed by the government of France for procurement of its Rafale fighter jet at the Langkawi International Maritime and Aerospace (LIMA) exhibition earlier this year. Dassault Chief Executive Officer Eric Trappier had expressed willingness to have a long term business deal in Malaysia. He had said that Dassault is looking at different types of industrial packages that includes final assembly line of aircraft, production of some parts, development, maintenance and support to local industries if they were willing to collaborate with them. "We believe we can succeed in Malaysia. We have a good aircraft to offer and as far as I am concerned, good government-to-government relations as well," Trappier had said during the exhibition. Malaysia is eyeing to replace its fleet of Russian MiG-29 fighters. Boeing's F/A-18, Saab's Gripen and the Eurofighter Typhoon are the other alternatives that Malaysia may eye. With fiscal troubles due to low oil and commodity prices, Malaysia might delay its decision to buy fighter jets, local reports said. However a French government financial package, along the lines of what sealed the deal with Egypt might tempt Kuala Lumpur which needs new aircraft to serve as deterrence against Chinese aggressive maneuvers in the South China Sea.  สมาชิกหมายเลข 2543134 27 สิงหาคม 2558 เวลา 09:04:16 น. ความคิดเห็นที่ 2 http://www.defenseworld.net/news/13854/Is_Malaysia_Ready_to_Buy_Rafale_Fighters_#.Vd5vv_btmkp  สมาชิกหมายเลข 2543134 27 สิงหาคม 2558 เวลา 09:04:31 น. ความคิดเห็นที่ 3 โครงข่ายป้องกันภัยทางอากาศ ด่านแรก - เครื่องบินขับไล่ F-5  F-16  JAS-39 สู้ได้ไม่ได้ไม่รู้ แต่มี ด่านสอง - SAM ระยะไกล/ปานกลาง เราไม่มี ด่านสาม - SAM ระยะใกล้ ทอ.มี Adats หน้าที่หลักคือป้องกันฐานบิน น่าจะมีแค่ที่กองบิน 1 มั๊ง ส่วนทบ.มี Spada ปัจจุบันน่าจะปลดประจำการแล้ว เพราะไม่ทราบสถานะภาพเลย ด่านสุดท้าย - ปตอ./manpads  สมาชิกหมายเลข 1115623  27 สิงหาคม 2558 เวลา 10:15:12 น. ∨ดู 3 ความเห็นย่อย∨ ความคิดเห็นที่ 4  Royal Thai Air Defense System (RTADS)      ระบบ RTADS แบ่งเป็น 3 เฟส คือ เฟสที่ 1 ครอบคลุมพื้นที่ภาคกลาง ภาคอีสานตอนล่าง และภาคตะวันออก เฟสที่ 2 ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน และภาคตะวันตก สำหรับเฟสที่ 3 ครอบคลุมพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด      ระบบ RTADS ประกอบด้วย 1. ศูนย์ยุทธการทางอากาศ (AOC) หรือ ศยอ. 1 ศูนย์ ตั้งอยู่ที่กรมควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ กองบัญชาการยุทธทางอากาศ (คปอ.บยอ.)ดอนเมือง กรุงเทพฯ 2. RTADS เฟสที่ 1     2.1 ศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ (SOC) 1 ศูนย์ คือ ศคปอ.กรุงเทพฯ (ดอนเมือง)     2.2 สถานีรายงาน (RP) 4 สถานี คือ สร.เขาเขียว (นครนายก), สร.บ้านเพ (ระยอง), สร.เขาพนมรุ้ง (บุรีรัมย์) และ สร.อุบลฯ     2.3 สถานีภาคพื้นของระบบเชื่อมโยงข้อมูล (data-link) แบบ TADIL-A (Tactical Digital Information Link-A) หรือ Link-11A ตั้งอยู่ที่ศคปอ.กรุงเทพฯ 3. RTADS เฟสที่ 2     3.1 ศูนย์ควบคุมและรายงาน (CRC) 1 ศูนย์ คือ ศคร.ดอยอินทนนท์ (เชียงใหม่)     3.2 สถานีรายงาน 5 สถานี คือ สร.เขาใหญ่ (กาญจนบุรี), สร.พิษณุโลก, สร.ภูหมันขาว (เลย), สร.อุดรฯ และ สร.ภูเขียว (สกลนคร) 4. RTADS เฟสที่ 3     4.1 ศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ 1 ศูนย์ คือ ศคปอ.สุราษฎร์ธานี     4.2 สถานีรายงาน 3 สถานี คือ สร.สมุย (สุราษฎร์ธานี), สร.ภูเก็ต และ สร.หาดใหญ่ (เขาวังชิง สงขลา)     4.3 สถานีภาคพื้นของระบบเชื่อมโยงข้อมูล แบบ TADIL-A ตั้งอยู่ที่ สร.สมุย และ สร.ภูเก็ต      ทั้งนี้ ทอ. ยังมีสถานีรายงานเคลื่อนที่ (สคท.) อีก 3 สถานี ซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายไปติดตั้งยังตำบลที่ที่จำเป็นเพื่ออุดช่องว่างของ สร. ต่างๆ ที่มีอยู่แล้วได้อีก     ข้อมูลภายในระบบ RTADS ปัจจุบันเชื่อมโยงถึงกันด้วยวิธีการ 3 แบบ คือ โดยการใช้สัญญาณไมโครเวฟ, โดยผ่านทางระบบใยแก้วนำแสง (fiber optic) และโดยการสื่อสารผ่านดาวเทียม นอกจากนี้ระบบ RTADS ยังเชื่อมต่อกับระบบ JADDIN (Joint Air Defense Digital Information Network) ของ บก.สูงสุด ด้วย ซึ่งจะส่งข้อมูลไปยังส่วนควบคุมการป้องกันภัยทางอากาศของ ทบ. และ ทร. (ไม่มีข้อมูลว่าเรือของ ทร. นั้นมี data-link เพื่อรับข้อมูลจากระบบ JADDIN ในส่วนของ ทร. หรือไม่ รวมทั้งตามกองร้อย ปตอ. ของ ทบ. ด้วยเช่นกัน)     ในอนาคตระบบ RTADS จะสมบูรณ์มากขึ้น เมื่อ ทอ.ได้รับ บ.ควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศ แบบ S-100B Argus ติดตั้งเรดาร์ Erieye จำนวน 2 เครื่อง พร้อมกับสถานีภาคพื้นของระบบเชื่อมโยงข้อมูล TIDLS (Tactical Information Data Link System) 3 สถานี (ยังไม่รู้ว่าจะอยู่ที่ใดบ้าง ขึ้นอยู่กับว่า ทอ. ตั้งใจจะใช้ บ. แบบนี้ครอบคลุมทั้งประเทศหรือไม่ ถ้าใช่ สถานีทั้ง 3 จะตั้งอยู่ที่ ศคอป.กรุงเทพฯ กับสุราฎร์ฯ และ ศคร.ดอยอินทนนท์) ซึ่งจะรับส่งข้อมูลกับ บ. แบบ Argus ได้ โดยข้อมูลที่รับมาจากเรดาร์ Erieye จะเชื่อมเข้าสู่คอมพิวเตอร์เมนเฟรมของระบบ RTADS ได้โดยตรง ซึ่งอันนี้เป็นเงื่อนไงหนึ่งในข้อตกลงที่ทางสวีเดนเสนอมาในแพกเกจ JAS-39 Gripen อยู่แล้ว     สำหรับระบบ data-link แบบ TADIL-A (link-11A) สามารถรับข้อมูลจาก AWACS และเรือผิวน้ำ (บางลำที่มีระบบนี้) ของสหรัฐฯ ได้ ในอนาคต ทอ. อาจจะ (ถ้ามีงบฯ) เปลี่ยนเป็นแบบ TADIL-J (link-16) เพื่อให้เข้ากันได้กับระบบของประเทศพันธมิตร นอกจากนี้ Gripen เองก็สามารถติดตั้งระบบนี้ได้ เช่นเดียวกับ F-16 ที่ ทอ.มีอยู่    ทร. อาจทำโครงข่ายในลักษณะนี้บ้าง แต่เป็นเรดาร์ตรวจการณ์พื้นน้ำ เพื่อใช้ในการเฝ้าตรวจชายฝั่ง เพื่อช่วยอุดช่องว่างที่เหลือจากการใช้กำลังทางเรือ และอากาศยานในการตรวจการณ์ หรือลดการใช้กำลังลงได้ในบางจุดเพื่อความประหยัด ส่วนในระยะห่างจากฝั่งมากๆ ก็ใช้พวก UAV ชนิด MALE (medium altitude long endurance) แทน    เครดิตข้อมูล : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=warfighter&month=03-2008&date=04&group=1&gblog=1        หมายเหตุ : ข้อมูลนี้ได้รับการเผยแพร่ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2551 ซึ่งในปัจจุบัน(2558) ระบบมีความสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว                   - เราได้รับมอบ บ.ควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศ เรียบร้อยแล้ว                   - เรามีระบบ T-LINK สำหรับระบบ RTADS เรียบร้อยแล้ว(เป็นระบบที่บูรณาการร่วมกันระหว่าง 3 เหล่า)                   - ในอาเซียน (ASEAN) ประเทศที่มีระบบลักษณะนี้มีเพียง 2 ประเทศ คือ ไทยและสิงคโปร์                   - สำหรับอาวุธในการต่อตีเครื่องบินที่ล้ำน่านฟ้า เรามีระบบอาวุธพื้นสู่อากาศ พิสัยใกล้-ไกล ประจำการอยู่ด้วยจำนวน                      ที่เหมาะสมต่อภัยคุกคาม  สมาชิกหมายเลข 1885133  27 สิงหาคม 2558 เวลา 10:51:41 น. ความคิดเห็นที่ 5 มี ทร.ในนี้เคยมาเฉลยแล้วว่า datalink ที่ซาบบ์ ติดให้ เรือรบไทย มีรัศมีการติดต่อแค่ 25 ไมล์  สมาชิกหมายเลข 2603966 27 สิงหาคม 2558 เวลา 12:11:17 น. ∨ดู 8 ความเห็นย่อย∨ ความคิดเห็นที่ 6 (เนื้อหาเพิ่มเติมต่อจาก คห.4) ระบบ Gripen ระบบป้องกันภัยทางอากาศที่สมบูรณ์แบบของกองทัพอากาศ     (      จากโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ Gripen ด้วยเงินงบประมาณรวมกว่า 35,000 ล้านบาท โดยแบ่งการจัดหาออกเป็น 2 ระยะ ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นโครงการจะทำให้กองทัพอากาศไทยได้รับเครื่องบิน Gripen จำนวน 1 ฝูงบิน (12 ลำ) เครื่องบินแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า Saab 340 AEW "Erieye" จำนวน 2 ลำ Saab 340 B สำหรับฝึกบินและการลำเลียงทางอากาศ จำนวน 1 ลำ ระบบควบคุมบังคับบัญชา ระบบ Datalink สิ่งสนับสนุนต่างๆ และจรวดต่อต้านเรือผิวน้ำ RBS-15F จำนวนหนึ่ง เป็นต้น      เป็นความชาญฉลาดของกองทัพอากาศ ที่การจัดหาครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ การได้รับเครื่องบิน Gripen เพียงอย่างเดียว แต่ได้รับระบบป้องกันภัยทางอากาศที่สมบูรณ์ เป็นการบูรณาการระบบต่างๆ เข้าด้วยกันคือ เครื่องบิน Gripen, เครื่องบินแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า "Erieye", สถานีควบคุมภาคพื้น และระบบควบคุมบังคับบัญชา และบูรณาการเข้ากับระบบป้องกันภัยทางอากาศของกองทัพอากาศ หรือ RTADS (Royal Thai Air Defense System) เชื่อมโยงข้อมูลการปฏิบัติการได้อย่างเป็นเครือข่ายด้วยระบบ Datalink ที่ได้รับจากการจัดหาในครั้งนี้ ทั้งหมดที่กล่าวมาจะเป็นการเปลี่ยนโฉมหน้าของกองทัพอากาศไทย เข้าสู่การปฏิบัติการรบทางอากาศยุคใหม่ ที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลางหรือ NCO โดยมุ่งให้เป็นกองทัพอากาศที่ใช้เครือข่าย เป็นศูนย์กลาง (Network Centric Air Force : NCAF) ตามวิสัยทัศน์ที่กองทัพอากาศมุ่งหวังให้เป็น กองทัพอากาศชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน      เชื่อว่าในอีก 10 - 20 ปี ข้างหน้าหรือมากกว่านี้ ระบบ Gripen ก็ยังจะทันสมัยอยู่ เนื่องด้วยเป็นระบบที่มีความอ่อนตัว คือสามารถปรับปรุงใส่ระบบอุปกรณ์ หรือระบบอาวุธใหม่ๆ เข้าไปได้ ให้ทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้นในการจัดหาครั้งนี้เรายังได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เข้าถึงระบบของซอฟแวร์ หรือ Source Code Data ทำให้เราสามารถพัฒนาระบบอาวุธหรืออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องบิน ได้อย่างไม่จำกัด อยู่ที่เราว่าจะทำได้ขนาดไหน และนี่คือสิ่งที่แตกต่างจากการจัดหาระบบเหล่านี้จากแหล่งอื่น หรือจากบางประเทศ...ที่เราได้พึ่งพา และผูกติดอยู่กับระบบของเขามานานเป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว ซึ่งผู้ซื้ออย่างเราไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะได้อะไรบ้าง แต่เขาจะเป็นผู้กำหนดว่า จะขายอะไรให้เราบ้าง แม้เราจะมีเงินซื้อก็ตาม     ลำพังเครื่องบิน Gripen เองอาจจะไม่ได้ดีกว่าหรือเหนือกว่าเครื่องบินแบบอื่นไม่ว่าจะเป็น F-16, Su-30 หรือเครื่องบินยุคเดียวกันแบบอื่นๆ คืออาจจะดีกว่าหรือด้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกันเฉพาะตัวเครื่องบิน แต่ Gripen จะเหนือกว่าเครื่องบินทุกแบบได้ทันทีเมื่อ Gripen ปฏิบัติการด้วยระบบการป้องกันภัยทางอากาศแบบบูรณาการ อันประกอบด้วย เครื่องบิน Gripen, Erieye, ระบบควบคุมบังคับบัญชา, ข่ายสถานีเรดาร์ภาคพื้นดิน เชื่อมโยงระบบการรับส่งข้อมูลข่าวสารด้วย Datalink เพื่อการรับรู้ รับทราบสถานการณ์ที่ดีกว่า รวดเร็วกว่า ช่วยให้สามารถตัดสินใจหรือดำเนินกรรมวิธีการรบทางอากาศได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง เหมาะสม ในภาวะสถานการณ์รบ ทำให้สามารถใช้อาวุธเข้าทำลายข้าศึกได้ก่อน ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีอยู่ในระบบของ Gripen ที่เราได้จัดหาในครั้งนี้ อีกทั้งระบบที่เราจัดหาก็เข้ากับยุทธศาสตร์การใช้กำลังรบในการป้องกันประเทศในเชิงรับ เพราะเราไม่คิดรุกรานใคร แต่จะเน้นป้องกันตนเอง และให้มีขีดความสามารถในการรับมือกับภัยคุกคามในทุกรูปแบบที่จะมีขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต     เครื่องบิน Gripen จัดเป็นเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์น้ำหนักเบา หรือขนาดเล็ก เมื่อเทียบกับเครื่องบิน F-18, F-15 หรือ Su-30 ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ขนาดกลางหรือขนาดใหญ่กว่า ซึ่งแน่นอนว่าเครื่องบินขนาดใหญ่นั้นจะสามารถบรรทุกอาวุธได้เป็นน้ำหนักมากกว่า บินไปได้ไกลกว่า ซึ่งคุณลักษณะเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นสำหรับประเทศอย่างเราที่มีขนาดไม่ได้กว้างใหญ่มาก และยุทธศาสตร์ของประเทศเราเน้นการป้องกันตนเอง ไม่คิดรุกรานใคร ดังที่กล่าวข้างต้น เครื่องบินขนาดใหญ่ บรรทุกอาวุธได้คราวละมากๆ บินได้ไกลๆ (แต่สิ้นเปลืองมาก) จึงไม่จำเป็นสำหรับเรา แต่สิ่งที่สำคัญนั้นจะอยู่ที่ขีดความสามารถของระบบเรดาร์หรือระบบตรวจจับ ระบบอาวุธที่ดีมีประสิทธิภาพ (ระยะยิงไกลกว่า) และขีดความสามารถของนักบิน เหล่านี้ต่างหากที่เราจะต้องคำนึงถึงและคงรักษาไว้ให้เหนือกว่าให้ได้ตลอดเวลา...เท่านี้ก็อุ่นใจได้แล้วครับ เครดิตรูปภาพและเนื้อหา : http://thaidefense-news.blogspot.com/2011/03/gripen.html  สมาชิกหมายเลข 1885133  27 สิงหาคม 2558 เวลา 12:54:14 น. ความคิดเห็นที่ 7 ระบบเตือนภัยจะโดนสอยก่อน ส่งสัณญานอะไรออกไป  จรวดวิ่งเข้าใส่ตามแนวทันที ชนิดถล่มบังเกอร์ จากนั้นจุดยุทธศาสตร์หลักๆ คาดว่าถ้าเปิดศึกค่ำๆ   ก่อนเที่ยงอีกวัน ราฟาบินวนรอบ สาวรีชัยได้แล้ว  phenix  27 สิงหาคม 2558 เวลา 16:09:38 น. ∨ดู 3 ความเห็นย่อย∨ ความคิดเห็นที่ 8 เครื่องบินขึ้นจากสนามบินเขาก็รู้กันแล้วมั้ง